10 November 2011

เรื่องขอบเตียง ... ลวดยึดเหล็กหลุดฮ๊าฟฟฟ















เช้าวันนี้ตื่นมา แปรงฟันตามปกติ แล้วเจอว่า ลวดยึดเหล็กด้านซ้ายหลุด!!
ตอนแรกก็หลุดซี่เดียว คลีนิกก็เปิด 11 โมง ก็เลยยังชิวอยู่

สาย ๆ มา มันหลุดเพิ่มขึ้นเป็น 2 ซี่ และ 3 ซี่ ตามลำดับ
ไรแว๊... นี่มันสามารถหลุดไปได้เรื่อย ๆ เหมือนด้ายเย็บผ้ารึ

พยายามเอากรรไกรตัด (โชว์ง่าว) ก็ไม่สำเร็จ

ดัดมันชี้ขึ้นก็เขี่ยปากบน ต้องทำปากหวก ๆ เหมือนเวลาพยายามเอาลิ้นดุนเศษอาหาร ... น่าเกลียดอ่ะ

ดันมันชี้ลง ก็ไม่อยู่นาน เดี๋ยวมันก็ดันขึ้นไปหาเหงือกบนอีกละ
ยิ่งตอนกินข้าวกลางวันนี่เมิงเอ๊ยยยย เคี้ยวลวดมันส์ไปเรย

ก็ว่าจะไปหาซักบ่าย 3 แต่เปลี่ยนใจละ ไปแมร่งบ่ายโมงนี่แหล่ะ

-----

เดินทางไป 1 ชั่วโมง
ถึงปุ๊บ เจอหมอปั๊บ
นอนอ้าปากปั๊บ
หมอตัด ๆ เขี่ย ๆ ออก แป๊บ
"เสร็จแล้วค่ะ"

ฮ๊ะ! อะไรนะ!!

เสร็จแล้วเหรอคะ??? ... "จ๊ะ"
ไม่ต้องยึดก็ได้เหรอคะ??? ... "จ้า"

"จริง ๆ แล้วมันเป็นเซฟตี้น่ะ เอาออกก็ได้"
"รู้งี้ หนูก็เอาออกเองได้น่ะสิคะ"
"ไม่ได้หร่อก มันเกี่ยวกันหลายซี่ ต้องใช้เครื่องมือพวกนี้"
"..."


พี่วินเพิ่งจะกลับไปแหม่บ ๆ
ได้โบกพี่วินอีกคนกลับออกปากซอยอีกละ


เดินทางกลับอีก 1 ชั่วโมง

จบข่าว!!!

เรื่องบนเตียง#12 ปวดกรามโฮกกกกก













เปลี่ยนสียางอีกแล้วค่ะ คราวนี้เลือกโทนสีเขียว-ฟ้า
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักของเดือนนี้ค่ะ

-----

เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันนอนฝันร้ายทุกคืน
และตื่นมาก็ยิ่งฝันร้ายยิ่งกว่า

ฉันปวดกรามมมมมมมมม
ปวดแบบว่าปวดร้าว
อ้าปากได้แค่คำว่า "อา อ่า"
ถ้า "อ้า" นี่จะเริ่มปวดกรึ๊บ ๆ
"อ๊า อ๋า" นี่จบเลย กรามจะดังกึก ปวดร้าวไปถึงขมับ
เอามือกดที่กรามทั้งสองข้างพร้อมพยายาม อา อ่า อ้า อ๊า อ๋า อีกครั้ง
ก็รู้สึกว่ากรามมันดังกึก ๆ จริง ๆ

ปวดมา 2 อาทิตย์ อาทิตย์ก่อนไปปรับเครื่องมือยิ่งร้าวหนัก
แฟนบอกให้ไปหาหมอ แต่ตัวเองรู้ตัวดีว่า ต้องหาหมอที่จัดฟันเท่านั้น

-----

พอเจอหน้าคุณหมอปุ๊บ ฟ้องก่อนเลยเรื่องปวดร้าวที่กราม
หมอรีบให้นอนอ้าโดยเร็ว เหมือนรู้สาเหตุอยู่แก่ใจ

แล้วหมอก็สรุปเรื่องให้ฟังในขณะที่ฉันอ้าอยู่บนเตียง
ว่า ...

เป็นเพราะกรามซี่ที่สองด้านในซ้าย
กรามเจ้ากรรม ที่มันออกนอกลู่นอกทางมาแต่แรก
และหมอบอกไว้ว่า ทำอะไรกับมันไม่ได้นัก
แต่เดือนก่อน(ลืมเล่าให้ฟัง) หมอได้จัดการมันไป



เดือนที่แล้ว หมอให้ผู้ช่วยหมอส่งเครื่องมืออะไรไม่รู้
ที่เอาไว้กดฟันแล้วมันหน่วง ๆ หนึบ ๆ กึ๊ด ๆ ปวด ๆ ตอนที่รัดลวด

"คือ หมอพยายามที่จะหมุนมันน่ะค่ะ ... ซี่นี้แหล่ะเต็ม ๆ แล้วคุณก็ปวดกรามข้างนี้จริง ๆ ด้วย"

คำอธิบายของการปวดกรามก็คือว่า
ปกติฟันคู่บน-ล่างของเราจะมีผิวหน้าสัมผัสสูง-ต่ำที่พอดีกัน สำหรับการบดเคี้ยว ... แม้ว่าฟันของเราจะเบี้ยว จะเก จะอยู่นอกแนวยังไง แต่มันจะขบกันพอดี ... ทีนี้การที่เราพยายามหมุนฟันซี่ล่าง ทำให้ตำแหน่งสูง-ต่ำนั้นมันเปลี่ยนไป ... เมื่อเราหลับหรือเราเผลอ กรามจะพยายามจัดตัวเองให้อยู่ตำแหน่งเดิมของมัน ... คือมันก็อยากจะอยู่อย่างสบาย ๆ อย่างแต่ก่อน ... ทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อของกรามขึ้น อาการเลยเหมือนกับกล้ามเนื้ออักเสบนั่นแหล่ะ

ยาที่ชาวบ้านเค้าได้กินกันก็คือยาคลายกล้ามเนื้อนั่นแหล่ะค่ะ

แต่หมอก็บอกว่า แต่ก็อาจมาจากสาเหตุอื่นเช่น ความเครียด หรือในคนที่นอนกัดฟันแกร่ก ๆ ก็มักเป็นบ่อย ... (เออว่ะ ตอนม5 ช่วงเตรียมเอ็นท์เคยเป็นครั้งนึงนี่หว่า หมอบอกว่าเพราะเครียดด้วย เออๆๆ ใช่ๆๆๆ)

อันนี้สรุปจากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ
ถ้าอยากรู้รอบตัวเพิ่มเติมก็หาในกูเก้งได้เลย
คำว่า TMJ หรือ TMD (Temporomandibular Joint Disorder)
ว่าด้วยเรื่องของการผิดปกติของขากรรไกร

------

งั้น???? แล้ว????

หมอก็เลยทำอะไรซักอย่าง กรึ๊บ ๆ ที่ซี่เดิม

"อ่ะ หมอถอดออกเลยละกัน"
"แล้วมันก็จะกลับไปเป็นแบบเดิมใช่มั๊ยคะ"
"ใช่"
"แล้วงี้มันจะกระทบกับแผนจัดฟันรึป่าวคะ"
"อืม ไว้หายปวดกราม หมอก็จะหมุนมันใหม่ละกัน /ยิ้ม"

------

มันได้ผลค่ะ จากวันนั้น จนถึงวันที่เขียนบันทึกนี้ก็ 5 วันแล้ว
อาการปวดกรามดีขึ้นตามลำดับ
ตอนนี้ออกเสียงได้ตั้งแต่ อา อ่า อ้า อ๊า อ๋า แล้ว
แต่ถ้าอ้าสุดก็จะกึก ๆ อยู่นิด ๆ แต่ไม่ได้ปวดร้าวอีกแล้วค่ะ

ใครที่จัดฟันอยู่หรือกำลังจะจัดฟันลองสังเกตุอาการตัวเองหน่อยนะคะ
บรรเทาได้ด้วยการนอนแบบไม่เกร็ง หรือประคบร้อนก็พอได้ค่ะ
แต่หาหมอจะดีที่สุดค่ะ



ไว้ถ้าใส่อีกทีจะแจ้งทราบผลนะคะ

27 October 2011

น้ำท่วม ไปปรับเครื่องมือได้มั๊ยเนี่ยะ !!?!?!?!

ใกล้ถึงวันนัดครั้งถัดไปแล้วค่ะ
แล้วก็ใกล้วันที่น้ำจะมาถึงหน้าบ้านแล้วค่ะ
แต่คาดว่ามาถึงหน้าคลีนิคก่อนแหง๋ม ๆ

แผนที่วางไว้สำหรับน้ำท่วมถูกเตรียมไว้แล้วเกือบทุกอย่าง
ยกเว้น จะทำยังไงกับการปรับเครื่องมือดี!!

เรากะว่าจะหยบพะอ้บ เอ้ย อพยพตัวเองกลับบ้านนอก
กว่าจะกลับมาเลย 6 สัปดาห์แน่นอน
ฮือ ๆๆๆ ทำไงดีหว่า
จะไปหาก่อนตอนนี้เลยได้มั๊ยน๊อ


หาข้อมูลก่อนแล้วกัน รู้แล้วจะบอกค่ะ

14 October 2011

เรื่องบนเตียง#11 ปรับเครื่องมือล่างจ้า

15/10/2011















ฮึๆๆๆ จุดที่ชี้ ๆ ไว้ ไม่มีอะไรนอกไปจาก ...
เขี้ยวกรรม กับเขี้ยวเวรของฉันเอง
ที่ถึงแม้จะติดเครื่องมือล่างมาแล้ว 1 เดือน ก็ยังไม่ขยับไปไหน
ตึง ๆ นิด ๆ แต่ไม่คิดจะย้ายที่บ้างเลย
ถ้ามัน 2 ตัวนี้ขยับซะหน่อย จะคืบหน้ามาก ๆ เลย

ปรับเครื่องมือครั้งนี้ หมอให้ใช้ลวดเบอร์เดิมไปก่อน (แอบฟังหมอคุยกับผู้ช่วยมา)
เนื่องจากตำแหน่งยังไม่ได้เท่าที่ควร
แต่หมอก็ให้กำลังใจไม่ขาดว่า "ดูไม่เลวนะ"
แล้วก็ตบท้ายด้วยว่า "ช่วยหมอกดเขี้ยวหน่อยนะ"

หมอคะ ลำพังไม่ติดเครื่องมือก็กดยากอยู่แล้ว
นี่ติดเครื่องมือยิ่งกดยากไปใหญ่เลย
นิ้วมันเจ็บอ่ะ เวลาจิ้มลงไปตรงเครื่องมือน่ะ


แต่สิ่งดีครั้งนี้ ... สีม่วงกับชมพูแปร๋นเข้ากันดีแฮะ
(มีดีอย่างเดียว)

อีกรูปที่จะให้ดู
เป็นรูปในมุมที่เคยถ่าย
ออกจะดูแหวะ ๆ นิดหน่อย เพราะน้ำลายแตกฟองมาก
แต่มันทำให้เห็นกรามเจ้ากรรม ต้นตอของฟันล่างงับฟันบนได้ชัดเจนมาก
ใครใจไม่ถึงอย่าลากลงไปดูนะคะ


15/10/2011


















กรามด้านในนั้นคือซี่ที่มีปัญหาอีกตัวนึง(นอกจากเขี้ยวเวรเขี้ยวกรรม)
ฟันกรามซี่นี้มันออกนอกลู่นอกทางค่ะ
มองจากด้านหน้าจะเห็นมันยังอยู่นอกฟันบนตลอดเวลา
หมอบอกว่า ซี่นี้อาจต้องทิ้งไว้อย่างนี้
แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ถ้าข้างหน้าฟันบนงับฟันล่างเมื่อไหร่ ถือว่ามีชัยไปกว่าค่อนแล้วค่ะ

รูปนี้จะเห็นชัดถึงกรามที่ยิ่งใหญ่ของฉัน เมื่อเทียบกับขนาดของฟัน
ช่องว่างระหว่างเขี้ยวเวร กับเขี้ยวกรรมที่ต้องปิดให้ได้ในตอนจบ
ฟันฉีกเล็ก ๆ ด้านหน้าที่เบียดกันแล้วเบียดกันอีก


เอาวะคะ
สู้ต่อไปค่ะ
ยังไงเรามันก็หนักหนากว่าชาวบ้านเค้าแต่แรกแล้ว
ก็ต้องสู้ต่อไปตามประสาคนล่างคร่อมบน


.

เรื่องบนเตียง#10 ติดเครื่องมือล่าง!!

ติดเครื่องมือล่างแล้วคร่า.....

ดีใจที่จะได้เลือกสียางเพิ่มขึ้น และได้ติดเครื่องมือล่างซะที กิกิ

เครื่องมือล่างที่ติด หมอไม่ได้ติดจนถึงฟันกรามซี่ในสุด
และไม่ได้ใช้แบบวงแหวนครอบฟัน
เป็นความสุขมากถึงมากที่สุดที่ไม่ต้องแยกฟัน (มันเป็นฟันร้ายจริง ๆ)

ครั้งนี้หมอเอาเครื่องมือติดไปที่ฟันกรามซี่ที่สองถัดจากด้านในโดยตรง
และอีกครั้งค่ะ ที่มีกลิ่นกาวอยู่ในปากและมีรสชาติกาวอยู่ในลำคอ

หมอใช้เวลาไม่นาน ติด ๆ กด ๆ ใส่ลวด ใส่ยาง
ครั้งนี้เลือกสีน้ำเงินสลับกับเหลือง
ติดตามาจากโลโก้หนังเรื่อง suck seed
ตึง ๆ ฟันนิด ๆ ไม่เจ็บเท่าไหร่(เก่งไง อดทนได้ตรอดๆ)
นอนนึกภาพไปเรื่อย ๆ
ติดไปไม่นานมันคงขยับให้เห็นเหมือนตอนที่ติดเครื่องมือฟันบน
ไอ่เขี้ยวเวรเขี้ยวกรรม ที่หมอให้ดันๆๆๆ ก็คงจะหุบไปอยู่ข้างในซะที
จะได้ไม่ต้องกดอีกต่อไป
ฮิฮิ ครึ้มอยู่ในใจ

"เสร็จแล้วค่ะ ... ขยันอมน้ำอุ่นนะคะ"

บ้วนปากเสร็จ
เฮ้ย! เฮ้ย! หุบปากไม่เป็น!!
ไม่รู้จะเอาปากล่างไปวางไว้ไหน
เครื่องมือล่างมันหนากว่าที่คิดแฮะ
เดินออกห้องหมอมา อยากจะเอาปิดปากไปตลอดชีพ
มันรู้สึกปากห้อย ๆ เหมือนปากล่างจะปิดเหล็กไม่มิด
อย่าว่าแต่ยิ้มเลย ปิดปากธรรมดายังไม่ลงตัว

รีบเข้าห้องน้ำโดยด่วน ขยับปากล่างตัวเองให้ครอบเครื่องมือ
หัดยิ้ม ... ไปไม่เป็นเลย

ผลที่ตามมาหลังติดเครื่องมือล่างคือ
- หัดยิ้มใหม่หมด ปากล่างไม่ครอบเครื่องมือ
- พูดออกเสียงบางคำไม่ชัด เช่น ฟ.ฟัน เพราะเม้มปากไม่ได้
- เม้มปากไม่ได้
- ผนังปากล่างด้านใน ขูดกับเหล็กจนเป็นแผล บางวันเป็นร้อนในเป็นเม็ดเลย
- ฉีก แทะ ไม่ได้ ... มันเจ็บกว่าที่คิดอ่ะ ฟันหน้าปวดร้าวไป 2 วัน
และสุดท้าย
- มันไม่ขยับให้เห็นเหมือนตอนติดเครื่องมือฟันบน!! ไร้กำลังใจ!!
- สีน้ำเงินเหลืองที่เลือกมา ไม่เข้ากันเอาซะเลย ... รู้สึกแย่ชะมัดเลยอ่ะ
- เอาเศษอาหารออกยากมว๊ากกกกกก ตรงฟันกรามด้านล่าง ... ตอนนี้ฟันกรามสองซี่นั้นผุเรียบร้อย เป็นรอยดำ ที่สำคัญ ผุด้านข้างด้วย สุดเศร้า T^T


รูปเริปเหรอ ... ไม่ได้ถ่ายไว้เลย
มีรูปในวันหลัง ๆ ก่อนปรับเครื่องมือนิดหน่อย
มองไม่เห็น progress ของการจัดฟันหร่อก
แต่ให้ดูว่า ... สีเหลืองกับน้ำเงิน ไม่เข้ากันอย่างแรงค่ะ
ปิดโพสเลยละกัน













.

แบกเหล็กกลับมาแล้ว

แฮ่ะ ๆ ที่จริงออกปากไปแล้วว่าจะเขียนเรื่องแบกเหล็กไปเมืองนอก
แต่สุดท้ายก็ลืมอย่างเสียมิได้
ผ่านไปเนิ่นนาน จนถึงวันแบกเหล็กกลับมาให้หมอติดเครื่องมือล่าง
จนไปปรับเครื่องมือมาแล้ว 1 ครั้งก็ยังไม่ได้อัพสิ่งอื่นใดลงไป
วันนี้จะโพสรวบยอดเลยละกันค่ะ

ว่าด้วยการแบกเหล็กไปเมืองนอก(จัดฟันไปต่างประเทศ)
ก่อนหน้าจะจัดฟัน หมอก็ถามแล้วถามอีกว่าจะไปต่างประเทศมั๊ย
ตอนนั้นก็ตอบชัดถ้อยชัดคำว่า "ไม่ไปค่ะ"
แต่แล้ว ด้วยกรรมด้วยวาระ จึงมีโอกาสได้ไปแบบฟลุ๊ค ๆ
ทีนี้ ไอ่ครั้งแรกก็ไม่ได้ถามไว้ซะด้วย ว่าทำไมหมอต้องย้ำว่าไม่ไปแน่นะ
แล้วตอนนี้จะไป จะเป็นอะไรรึป่าว(วะ)

ครั้งนี้ที่จะไป(ไปมาแล้ว) ไปประเทศโซนยุโรปค่ะ สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนสุดโรแมนติก ... ไปเป็นเวลาเกือบ 3 อาทิตย์
เลยรีบปรึกษาหมอ ว่าต้องเตรียมตัวอะไรรึป่าว

เหตุผลที่คนจัดฟันไม่ควรไปเมืองนอก ก็คือ ...
เราต้องปรับเครื่องมือทุกเดือน นั่นคือสิ่งสำคัญ
อย่างอื่นไม่มีปัญหาอื่นใด
พวกที่มีปัญหาคือ
ไปเรียนต่อ ย้ายงาน ย้ายถิ่นฐานบ้านเกิด
คนพวกนี้ต้องเอาประวัติการจัดฟันทั้งหมดไปด้วย
มีทางเลือกสองทางคือ
1. เอาประวัติไปให้หมอที่นู่นจัดต่อตามแผน ปรับเครื่องมือต่อไป
2. เริ่มจัดฟันใหม่หมด
แต่หมายเหตุได้เลยว่า ทั้งสองอย่างนี้มีค่าใช้จ่ายสูงพอ ๆ กัน
บ้างก็ถอดเลย กลับมาจัดที่เมืองไทยใหม่ดีกว่า

นั่นแหล่ะค่ะ จากเหตุผลข้างบน ฉันจึงไม่มีอุปสรรคใดใดกับเรื่องการที่จะแบกเหล็กไปต่างประเทศเลย
หมอบอกว่า "อย่าให้เกิน 6 สัปดาห์ หลังจากปรับครั้งหลังสุดเป็นใช้ได้"
บวกลบแล้ว 6 สัปดาห์พอดี
นั่นคือกลับมาแล้วต้องให้หมอแหกปากเราโดยด่วน

-------

ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ด้วยคำชมของคุณหมอว่า "ไม่ขยับเลยนะ"
แหม หมอคะ ไปกึ่งเที่ยวกึ่งทำงานต่างถิ่นทั้งที
จะเอาเวลามามัวกดเขี้ยวกดฟันก็เที่ยวไม่สนุกกันพอดี
เลยปล่อยเลยตามเลยเต็มที่

กลับมาถึง หมอก็ติดเครื่องมือล่างให้เลย
เดี๋ยวเรื่องการติดเครื่องมือล่าง จะต่อในโพสถัดไปดีกว่านะคะ

01 August 2011

เรื่องบนเตียง#9

ครั้งนี้คิดว่าจะได้ติดเครื่องมือด้านล่างแล้วซะอีก
แต่หมอก็ยังไม่ติด
แถมโดนหมอแขวะอีกว่า ไม่ค่อยทำการบ้าน (กดเขี้ยว)
เลยบอกไปว่า "ก่อนจะมานี่ก็กดนะคะ 5555+"


ครั้งนี้หมอยังไม่ติด
แต่หมอยกฟันบนขึ้นอีกนิดนึง
ขั้นตอนทั้งหมดของพวกฟันล่างคร่อมฟันบนคือ
- จัดฟันบนให้เรียงตัว
- ยกฟันบน
- ง้างฟันบน ให้คร่อมฟันล่าง
- ฟันบนพ้นฟันล่าง
- ง้างฟันล่าง (ช่วงแห่งความน่าเกลียด ตอกย้ำคนฟันยื่น)
- จัดฟันล่างให้เรียง
- ดันฟันล่างให้เข้าไป
- fine tune

ตอนนี้เรามาถึงขั้นตอนง้างฟันบน มันยังคร่อมไม่หมด
เหลือเขี้ยวเจ้ากรรมสองซี่



ฉะนั้น นัดครั้งถัดไป หมอจะติดเครื่องมือฟันล่าง
เพื่อง้างฟันล่างให้มันยื่นนนนนน ออกมา
อ๊ากกก น่าเกลียดแน่ ๆ
สิ่งที่คนฟันยื่นเกลียดก็คือ การยื่นมากกว่าเดิม

แต่ก็เอาวะ
เฝ้ารอจนบรรลุขั้นตอนสุดท้าย

อ้อ ... แล้วครั้งต่อไป นัดไปอีก 5 สัปดาห์
เพราะว่า เราจะแบกเหล็กไปเมืองนอกค่า
ไว้แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ เกี่ยวกับการแบกเหล็กไปเมืองนอก



.

19 July 2011

เรื่องบนเตียง#8

เบี้ยวอัพเดทมากว่า 20 กว่าวัน
จนใกล้จะถึงวันนัดปรับเครื่องมือครั้งถัดไปอยู่รำไร
จึงแวะเข้ามาอัพเดทรูปซะหน่อย

ที่ไม่เขียนไม่ใช่อะไรหร่อกค่ะ
ฟันไม่คืบหน้าเลยค่ะ
ทำไมมันไม่รวดเร็วเหมือนเดือนแรก ๆ ว๊า
สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแต่สียาง

ยางครั้งนี้ เพิ่งจะรู้ว่าเลือกใส่สลับสีได้
เพราะไปเห็นฟันของเพื่อนมา

"หมอคะ หนูเลือกสองสีได้มั๊ยคะ"
"ได๊ สิบสีก็ได้"
"หมอขยันใส่ให้หนูขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
"..."
"เอาสีฟ้า กับสีฟ้าเข้มค่ะ ใส่สลับซี่กันนะคะ"

ก็ได้สีฟ้าสมใจ ชอบค่ะ ไม่น่าเบื่อ


ครั้งนี้เตรียมตังค์ไปด้วย 5000 บาท
เพราะกะว่าจะได้ติดเครื่องมือล่าง
แต่ก็ยังไม่ติด
หมอให้เหตุผลว่า ... เขี้ยวยังไม่เข้า

เขี้ยวเจ้ากรรมซี่เดิม ที่หมอบอกให้เอานิ้วดันเข้าไป
มันยังไม่เข้าไปอยู่ข้างใน

"ยังไม่เข้าอีกเหรอ ทำการบ้านบ้างรึป่าว"
"โธ่... หมอ หนูก็กดแล้วนะ
กดจนน้ำลายไหล เสียบุคคาลิกไปแล้ว
นั่งทำงานก็กด นั่งประชุมก็กด"

หมอจึงเริ่มแนะนำการกดฟันเข้าไปใหม่
เหมือนกับ เดือนที่แล้วทั้งเดือน ไม่ได้ง่าอะไรเลย

การกดฟันที่ถูกต้อง
ต้องไม่ตะบี้ตะบันกดเข้าไปสุดแรงเกิด
กดย้ำ เพียงให้นิ้วซีด
กดค้างไว้ 3 นาที (โห 3 นาที น้ำลายไหลแล้ว)
ทำให้ได้ 1 ชั่วโมง ใน 1 วัน

กลับจากคลีนิกก็ ค่ะๆๆๆๆ ฮึดๆๆๆๆ กดๆๆๆๆ
หลัง ๆ ก็แผ่วเหมือนเดิม

อ้อ ... เกือบลืมไป
เดือนนี้ที่คืบหน้าอย่างนึงคือ หมอเจียรปลายฟันให้
ฟันหน้าด้านบน 2 ซี่กลาง มันชนกับเขี้ยวล่างตลอด ๆ
ฟันกรามที่เคยขบไม่ลงน่ะ สบายแล้ว
แต่เขี้ยวล่างกับฟันหน้านี่แหล่ะ แค่พูดก็กึก ๆ แล้ว
หมอเลยถือโอกาสแต่งปลายฟันหน้าด้านบน
ให้ดูเรียบและเป็นเส้นตรงอีกหน่อย
แต่ก็ยังโดนกันอยู่ดีอ่ะหมอ ....

อาทิตย์หน้าไปติดเครื่องมือล่างแล้วค่ะ
ดีใจจะได้เสียตังค์อีก 5000 บาท วู๊ๆๆๆ

ปล. 5000 แรก ไหลไปหมดแล้วอ่ะ


.

18 June 2011

สิ่งเร้นลับในซอกเหงือก

เดือนนี้เป็นเดือนที่มีความคืบหน้าหรือเปลี่ยนแปลงน้อยมั่กมาก
เขี้ยวที่หมอให้ดัน ดันแล้วดันอีก ดันจนเสียบุคคลิกก็ยังอยู่ข้างนอกเหมือนเดิม
ฟันหน้าบนก็เขี่ยอยู่กับเขี้ยวเล็กด้านล่างแง๊ดๆๆๆๆ
แต่ดันไม่ใช่อุปสรรคหลัก
อุปสรรคหลักยังอยู่ด้านในเหมือนเดิม
ใช่แล้วค่ะ ฟันกราม

ใครที่อ่านเรื่องบนเตียงตอนก่อน ๆ คงจะพอจำได้ว่า
จขฟ.(เจ้าของฟัน) มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวอาหารด้วยฟันกรามมาก
เพราะฟันหน้ามันเริ่มชนกัน ทำให้ฟันกรามบนและล่างห่าง
ไม่บดอาหารดี ๆ เหมือนแต่ก่อน ต้องเบี้ยวกรามไปมา

ปัญหาใหม่นี้คือ เหงือกอักเสบ!! ตรงฟันกรามซี่นั้นแหล่ะ
เพราะใช้มันมากเกินไป ซ้ำ ๆ ข้างเดียว
เศษอาหารติดมากมาย เอาออกไม่หมด แปรงฟันไม่ถึง
ไม่ใช้ไหมขัดฟัน ไม่แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ
ก็วันนึง ๆ กินตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่รู้จะ cut off ไปแปรงฟันตอนไหนดี -*-
ตอนนี้ไม่ว่าจะเคี้ยวอะไร ก็จะตกร่องปล่องชิ้นตรงซอกนั้นเสมอ ๆ

ปัญหาน้อย ๆ ที่ตามมาคือ ข้างปาก(เกือบ)ฉีก
เนื่องมาจากการพยายามใช้ไหมขัดฟันกับซอกในสุด
ไหมก็จะบาดข้างปากด้านนอกด้วย
ยิ่งถูกด้านในหนักเท่าไหร่ ด้านนอกก็ถูกหนักตาม ๆ กันไป
แต่ปัญหาเรื่องนี้แก้ไม่ยากค่ะ
ไหมขัดฟันแบบกึ่งสำเร็จรูปช่วยท่านได้
ไอ่ตัวที่มันติดด้ามมาให้ ด้านหนึ่งเป็นไหมขัดฟัน อีกด้านเป็นไม้จิ้มฟัน
20 ชิ้น 32 บาท ขายในเซเว่น
ปลายไหมยาว ๆ จะได้ไม่มาเขี่ยข้างปากให้เจ็บอีก

ตอนนี้ไปไหนก็พกไปค่ะ
เพราะเรื่องเหงือกยังแก้ไม่ได้

เฮ้อ ... เมื่อไหร่ฟันล่างจะเข้าไปอยู่ข้างในฟันบนอย่างคนอื่นเค้าซะทีวะคะ

27 May 2011

เรื่องบนเตียง# 7 ปรับเครื่องมือเดือนที่3

ผ่านมา 2 เดือนเต็ม เข้าสู่เดือนที่ 3 ของการใช้ชีวิตร่วมกับวัตถุแปลกปลอมในช่องปาก ... การปรับตัวอยู่ร่วมกันเป็นไปได้อย่างดีขึ้น

รู้จักการดูดเพื่อเอาเศษอาหารออกหลังทานข้าว โดยที่ไม่ต้องแปรงฟัน

รู้จักการใช้ฟันหน้าฉีก โดยไม่กระทบกับเครื่องมือที่ติดอยู่

รู้จักการประณีประนอม เคี้ยวเยื้อง ๆ เพราะฟันหน้ากระแทกกัน ฟันกรามไม่กระแทกกัน อย่างที่ได้บ่นไปแล้วก่อนหน้า

การไปพบหมอครั้งนี้ เจอเรื่องที่ ฮึ่ยๆๆๆๆ
หมอนัด 6 โมงเย็น ไปถึงตั้งแต่ 5โมง45
น้องเคาท์เตอร์คนสวยก็ค่ะๆ แต่ไม่ยอมส่งใบประวัติให้หมอ
เพื่อ!!!
รอจน 1 ทุ่ม เห็นคนเริ่มน้อยละ ไม่ถึงตาเราซักที เลยเดินเข้าไปถามว่าคิวพี่ละน้อง
สาวสองคนก็โอ๊ะๆๆๆ รีบ ๆๆๆ ซักพัก หมอก็เรียกไปตอน 1 ทุ่ม 10 นาที

หมอ "รอหมอนานมั๊ยคะ ... เค้าเพิ่งเอาใบประวัติมาให้หมอเดี๋ยวนี้นี่เอง ไม่บอกหมอว่าเรามาแล้ว" (เชี่ยแม่ง กูรอตั้งนาน)

เรื่องบนเตียงคราวนี้จึงเริ่มขึ้นอย่างหงุด ๆ หงิด ๆ
แต่ก็มารู้สึกดีขึ้นตอนหมอถ่างปากดูแล้วบอกว่า "อืม ดูดีกว่าที่คิด"
ตีความเลยว่า มันเข้าที่และเป็นไปตามแผน

ชิ ฟันล่างงับฟันบนก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดกู่ไม่ได้หร่อกว๊า

ครั้งนี้ เลือกยางสีส้ม ทั้งที่ไม่ชอบ แต่เพราะเด็กที่บ้านชอบ
หมอ "ตึง ๆ หน่อยนะคะ" (คิดอยู่ว่า จะให้ โป๊ะ เมื่อไหร่คะหมอ ... ล้อเล่น)





มีหยักตรงกลางด้วย









การบ้านของเดือนที่ 3
- ไม่ต้องอมน้ำอุ่นแล้ว เพราะเปลี่ยนเป็นลวดแข็งแล้ว (เหรอ)
- เอานิ้วกดเขี้ยว ล่างซ้าย ที่อยุ่นอกแถวนอกกรอบ กดเรื่อย ๆ ว่างก็กด กดแบบยี้มดตัวใหญ่ กดให้เล็บเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีขาว ค้างไว้ 3 วินาทีแล้วปล่อย ทำบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ

สองซี่ตรงที่สีเหลือง ๆ ชี้อยู่

เพราะว่า เขี้ยว มีรากที่ยาวกว่าฟันหน้าซี่อื่น ๆ มันจะลากให้ซี่อื่นแตกแถวไปกับมัน ... ฉะนั้นต้องกดมันเข้าก่อน แล้วค่อยติดเครื่องมือล่างทีหลัง
เหมือนเป็นการช่วย ๆ กันก่อนใช้เครื่องมือ







หมอ "เจอกันคราวหน้า หมออยากเห็นมันอยู่ข้างในนะคะ"
(เฮ้ย เอามือกดกันได้เองเลยเหรอ รู้งี้ก็ไม่ต้องมาหาหมอแล้วดิ กดเอาเอง)

ตอนนี้ก็ขยันกดอยู่ค่ะ อาจจะดูเป็นแคะขี้ฟันอยู่ตลอด ๆ
แต่ก็ไม่เป็นไร ขยัน  เพื่อตังค์ที่เสียไป

.....

10 May 2011

เครื่องมือเขี่ยแก้ม ><

มันไม่เขี่ยนานมากแล้ว ตั้งแต่วันที่สองหลังติดเหล็ก
สาเหตุมาจากฟันบนที่หมอพยายามง้างมันให้แผ่ออกมา
ก็ล่างคร่อมบนนี่ค๊า ไม่ผ่ากรามก็ต้องง้างข้างบนแทน
เดือนที่สองนี้หมอเล่นที่เขี้ยวด้านซ้ายเป็นหลัก รู้จากตอนเปลี่ยนลวดครั้งล่าสุด มันงึ๊ดๆตรงเขี้ยวซ้าย

ปัญหาของลวดเกี่ยวปากคือ กินอาหารรสจัดลำบาก ไม่ใช่ไม่ได้นะ ได๊แต่แสบแน่!

หลังอาบน้ำแปรงฟัน ก็ไปค้นหาขี้ผึ้งที่หมอให้มาแต่ไม่ได้ใช้แสนนาน
เวลาโปะขี้ผึ้ง โปะไปเลย หนาๆ ไม่ต้องเสียดาย หมดแล้วค่อยขอใหม่
เพราะถ้าโปะเหล็กไม่มิดก็มีค่าเท่าเดิม ดีไม่ดีจะหลุดเข้าคอป่าวๆ
โปะหนาๆแล้วเวลาหุบปากจะรู้สึกลื่น ๆ ไม่เมือก ขยับเท่าไหร่ก็ลื่น สบาย อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
Published with Blogger-droid v1.6.8

07 May 2011

1 เดือน 1 สัปดาห์


ผ่านไป 1 สัปดาห์
สัปดาห์แรกของเดือนที่สอง ต่างจากสัปดาห์แรกของเดือนแรกมาก
เพราะความเห่อหายไป
การดูแลช่องปากลดลง
ไม่อมน้ำอุ่นเลย ลวดไม่ deform
การขยับเลยไม่มาก
ปลอบใจตัวเองว่า มันหยักกว่า มันก็ต้องนานกว่า

เออ ... แต่เพิ่งเห็นว่า ครั้งนี้หมอเอาลวดพัน ๆ เครื่องมือระหว่างเขี้ยวไว้ด้วย ทั้งสองข้าง
แลดูแน่นหนากว่าเดิม
และ ... เจอติ่งลวดยื่นมาอีกแล้ว
แต่ช่างมัน เพราะมันยื่นมาด้านนอก ไม่เกี่ยวลิ้น ไม่เกี่ยวผนังปากก็โอ

เออ ดูภาพเห่อะ วันนี้อัพมา 3 post เลย ... กลั้นไว้นาน ^^








































จบด้วยยิ้มเบี้ยว ๆ ของฉัน
เอาเห่อะ สองปีนี้ไม่นับ ปีที่สามขอผันสวย ๆ ปกติ ๆ เหมือนชาวบ้านเค้ามั่งละกัน
ชิส์

.........

เรื่องบนเตียง# 6 เปลี่ยนสียาง


วันที่รอคอยก็มาถึง
อยากรู้ว่าคุณหมอดูปากเราแล้วจะว่าไงบ้าง

ไปถึง หมอก็บอกว่า เลือกสียางค่ะ
เฮ้ย หมอ เร็วไป ไม่ถามหนูหน่อยเหรอว่าเป็นไงมั่ง
ไม่เป็นไร หมอไม่ถาม หนูบอกเอง

"หมอค่ะ ฟันเรามันขยับเร็วมั๊ยคะ"
"ไม่หรอก ต้องอดทน" พูดไปมือก็เขียนอะไรซักอย่าง ไม่ได้มองด้วยซ้ำ
"คือ หมอคะ ... หนูสงสัยว่าฟันหนูขยับเร็ว เพราะจากที่ฟันล่างสบคร่อมฟันบน ตอนนี้ ฟันล่างกับบนมันชนกันค่ะ แล้วฟันกรามหนูก็ไม่ชนกัน บดเคี้ยวไม่ได้ หนูแทบกินไม่ได้มาเป็นเดือน หนูเคี้ยวอาหารไม่ได้ *^%^%$&*"
"ไหน หมอดูหน่อย นอนเลยค่ะ ... อบน้ำอุ่นให้หมอบ่อยมั๊ย" พูดด้วยอาการใจเย็น แล้วบอกให้ฉันนอนตลอด
....
"อืม แย่หน่อยนะ"
"อื้อ ๆ" จะพูดอะไรได้คะตอนนั้น อ้าให้เค้าล้วงแล้ว พูดอะไรไม่ได้แล้ว
"พร้อมจะลุยไปกับหมอมั๊ย" ... อีกละ หมอถามแบบนี้อีกละ เคสหนูมันเป็นไปได้ยากใช่ม๊า

(ลืมเล่า เพื่อนที่แนะนำให้ไปทำที่คลีนิคนี้ ไปถอดเหล็ก แล้วคุยกับหมอ ... หมอบอกว่า คุณน่ะ แนะนำเคสยากมาให้หมอนะเนี่ยะ ... อืมมมมม ล่างคร่อมบนนี่มันยากจริงอะไรจริงเหรอเนี่ยะ"

แล้วหมอก็ถอดยาง ถอดเหล็กออก
ดังแก๊บ ๆ ตึง ๆ แต่ไม่เจ็บอะไร
สนุกดีเวลาหมอยึดลวด มันดึง ๆ ตึง ๆ แน่น ๆ
รู้สึกดีว่าเราจะขยับไปอีกขั้นแล้วนะ

ครั้งนี้เลือกยางสีเหลือง
ไม่มีอะไรพิเศษ เพิ่งซื้อรองเท้าใหม่สีเหลืองมา
พอใส่เสร็จ ครั้งนี้ไม่ได้ดูกระจกแฮะ
ออกไปดูในห้องน้ำเอาเอง
เสียตังค์ไป 1500 บาท
นัดอีกทีเดือนหน้า

คราวนี้ให้เพื่อนไปส่ง
เลยถือโอกาสยิงฟันให้ดูเป็นสักขีพยาน
นี่นะ มันงอ ๆ หยัก ๆ ตรงนี้กับตรงนี้เห็นป่ะ
เดือนหน้ามันจะตรงคอยดูนะ
แล้ววันนั้นก็ไปเที่ยว ดื่ม กิน กันต่อ















.....



1 เดือนผ่านไป

ไม่ได้อัพนาน สภาพการณ์ไม่อำนวย
และจะบอกว่า หลังจากที่โพสไปว่า มันขยับแล้ว
ฉันก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเหล็กในปาก

มันไม่คุ้ยเขี่ยหนังปากฉันอีก
มันไม่เกะกะอีกต่อไป
ฉันกินได้เกือบทุกอย่างที่ไม่เหนียว (โคขุนโพนยางคำยังต้องงดต่อไป)

อุปสรรคที่เจอก็จิ๊บ ๆ

- กิ๊บ คลิ๊บ หรืออะไรที่มันใช้ล็อควงแหวนอภินิหารที่ฟันกรามไว้ ไอ่ตัวที่มันอยู่ด้านในนั้นแหล่ะค่ะ ... มันเผยอออกมานิดหน่อย แล้วเขี่ยลิ้นไปมาทุกครั้งที่ขยับ สงสัยลิ้นฉันจะใหญ่เกินไป ทำให้ลิ้นเป็นแผลเล็ก ๆ ... แต่ฉันก็ไม่อดทันกับมันมากนั้น รีับอ้าปาก หายางลบที่ติดก้นดินสอไม้ กดเข้าไปให้มันแนบ ๆ หน่อย ... คิดจะอยู่ด้วยกันก็อยู่ดีดีหน่อย กดให้มิดค่ะ สองข้าง

- เศษอาหารติดฟัน อันนี้ต้องขยันแปรงฟันหน่อย ... ฉันซื้อแปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันมา 2 อัน คุณควรมีทั้งที่บ้าน และติดตัวไปนอกบ้าน เพราะเศษอาหารมันจะไปติดอยู่ทุกซอกที่ไม่คอยมีให้ติด ไม่ว่าจะเหล็กหรือซอกฟันของคุณเอง ตอนนี้มันขยับแล้ว ตรงไหนเคยหลวมอาจแน่นได้ ... สองสัปดาห์แรกฉันแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ รู้สึกหนักปาก ไม่อยากให้อะไรค้าง ๆ คา ... แต่หลังจากนั้น เริ่มปรับตัวได้ แค่บ้วนปาก ดูด ๆ เศษอาหารก็พอไหวละ เลยเหลือแปรงฟันตอนเช้าและก่อนนอนอย่างแต่ก่อน

แหม่ ... คนเราปรับตัวได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ปัญหาใหญ่สำหรับฉันก็คือ ...

- อันเนื่องมาจากฟันมันขยับตัวตามลวดแล้ว ... คนล่างคร่อมบนอย่างฉันคงหนีไม่พ้นวันที่ฟันบนจะสบตรงพอดีกับฟันล่าง ... ฉันก็เดาไว้นะ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วอย่างนี้ ตอนนี้ฟันบนฉันสบลงฟันล่างพอดี ถึงไม่ตรงเป๊ะ แต่มันไม่งับกันข้างใดข้างนึง ... ทำให้ฟันกรามด้านใน ทั้งสองข้างไม่สบกัน ... คืออะไรคะ ฉันเคี้ยวข้าวไม่ได้ค่ะ ฟันบดไม่สามารถบดได้ จะฉีกทึ้งอย่างเดียวก็กลัวเครื่องมือที่ฟันหน้าลุด ... ฉันต้องยื่นคางออกมามากกว่าปกติ(เกลียดฟันล่างยื่นอยู่แล้ว แต่ก็ต้องทำ) เพื่อให้เคี้ยวอาหารได้ ... ช่วงนั้นใครนั่งกินข้าวด้วยกันจะเห็นฉันเคี้ยวแบบเบี้ยว ๆ ... แล้วก็เมื่อแก้มมาก เพราะฟันไม่อยู่ในตำแหน่งกรามสบาย มันชนกัน! อยากไปหาหมอเลย แต่กลัวหมอว่า แหม เรื่องแค่นี้เอง เลยใช้ชีวิตมันไปอย่างนั้น


เดือนแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ส่องกระจกอีกที ลวดมันตรงแล้ว
ฉันพยายามเอารูปเก่ามาดู มันต่างกัน
แต่ไม่รู้ว่าซี่ไหนยกขึ้น ซี่ไหนต่ำลง





25 March 2011

มันขยับแล้ว!!

ดูรูปวันแรกที่ติดเครื่องมือ กับวันนี้ วันที่ 2 ของการติด รู้สึกว่ามันขยับแล้ว
ลวดที่เคยเฉียง รู้สึกว่ามันเฉียงน้อยลง
ไม่รู้หร่อกว่ามันขยับไปทางไหน
แต่ถ้าตามที่หมอบอกคือ ฟันบนจะดีดออกมาด้านหน้า
แล้วก็อุปทานตามหมอ
ตอนนี้รู้สึกว่า ถ้าจะให้สบฟันแบบล่างคร่อมบน ก็ต้องยื่นมากกว่าเดิม














ก่อน - กัดตรง || หลัง - กัดตรง
ก่อน - กัดหน้า || หลัง - กัดหน้า

เห็นมั๊ยคะ ลวดมันตรงมากขึ้น
จากรูปกัดตรง(ด้านบน) ก่อนละหลัง จะเห็นว่า ช่องว่างของฟันข้าง ๆ เขี้ยวสองข่างมันลดลง
จากรูปกัดหน้า(ด้านล่าง) สองซี่ตรงกลางเหมือนจะยกขึ้นนิดหน่อย ดูจากตัวเครื่องมือ มันไม่แตะฟันล่าง
เพราะฟันล่างยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ขยับ
(เป็นเหตุผลที่หมอใส่ข้างบนอย่างเดียว เก็บล่างไว้เป็น reference)


พอเข้าวันที่ 2 ไอ่หนวดสองอันนี้มันเริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
มันเขี่ยปากมากขึ้น วันนี้เลยต้องพึ่งพิงขี้ผึ้งของหมอมาโปะนอน

ปัญหาอีกอย่างคือ เคี้ยวข้าวไม่ได้ สบฟันไม่ได้
ถ้าฟันบนมันดีดออกมาจริงอย่างที่หมอตั้งใจ
จากที่ล่างเคยงับบน มันก็งับกันยากขึ้นจนเสมอกัน
ทำให้พอเคี้ยวแล้ว ฟันกรามสบกันไม่สนิท
คือตอนนี้ กัดยังไง ต่อให้ยอมให้ฟันล่างเสี่ยงโดนเครื่องมือบ้าง
ก็กัดฟันกรามไม่สนิท
เหมือนไอ่เขี้ยวมันค้ำ กัดไม่ได้!!!


อยากให้ถึงนัดครั้งต่อไปเร็ว ๆ


....

24 March 2011

กำลังใจ

คืนนี้ได้คุยกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
เออว่ะ ทำไมเพิ่งจะนึกออกว่าเรามีเพื่อนล่างคร่อมบนอยู่อีกตั้ง 2 สาว

คนนึง มันจัดเสร็จแล้ว ใส่รีเทนเนอร์แล้ว
ยังไม่ได้คุยกัน ว่าจะขอดูรูปมันอยู่

อีกคนนึง มันคางยื่นกว่าเราเยอะ(เท่าที่ตัวเองจำได้)
ตอนนี้มันเริ่มดึงฟันล่างเข้าแล้ว
มันบอกคางแหลมขึ้น น่าเรียวขึ้น
คางอาจจะยื่นเหมือนเดิม แต่ฟันจะเรียงตัวสวยขึ้น
และที่สำคัญฟันบนก็งับฟันล่างเหมือนคนอื่น ๆ เขา

คุยกับมันหลายอย่าง
เรื่องผ่ากราม คงเป็นเรื่องที่ชาวฟันล่างงับฟันบนทุกคนเคยคิด
แต่จะมีซักกี่คนที่ตัดสินใจผ่าจริง
กี่คนผ่าตั้งแต่แรก แล้วกี่คนที่จัดแล้วต้องไปผ่าทีหลัง
เพื่อนคนนี้ มันพูดเหมือนชิวมาก
"จัดก่อน ถ้าจัดมายังไม่ดีค่อยไปผ่า"
ง่ายเน๊าะ

ความรู้สึกของเราหลังจากฟังคนนู๊นคนนี้เล่ามา
รู้สึกฝ่อ ว่าจัดฟันไปแล้วคงช่วยพวกล่างคร่อมบนได้ไม่มาก
กลัวเสียเวลา กลัวเสียตังค์เปล่า กลัวไม่ได้ผล
เพราะหมอก็บอกแล้วว่าต้องผ่าถึงจะเป๊ะ
แต่พอคุยกับเพื่อนคนนี้แล้ว
มันก็สรุปสั้น ๆ ว่า

เอาเป็นว่า เรื่องคางยื่นแก้ไขด้วยการจัดฟันไม่ได้ ต้องผ่า
แต่การจัดฟัน จะทำให้ฟันบนสบฟันล่างอย่างคนอื่นเขา
และฟันจะเรียงตัวสวยขึ้น หน้าอาจจะเรียวขึ้นถ้ากรามหุบ
แค่นั้นพอ อย่าไปหวังเรื่องแก้คางยื่น ไม่งั้นต้องผ่า


อืมมมมม จริงของมึง


แต่ก็ได้บอกมันไปเหมือนกันว่า
หลังจากนี้ถ้าใครถามว่าจัดทำไม
จะบอกว่า "ฟันห่าง อยากสวย จบ"
เพราะเรื่องฟันล่างคร่อมฟันบน เคยอธิบายเพื่อนไปบ้างแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ หรือสังเกตเห็น
คงต้องยืมคำของคนคนนึงที่โพสไว้ในเน็ตว่า
"คนที่ไม่ล่างคร่อมบนไม่รู้สึกหร่อกค่ะ"


เอาวะ

เรื่องบนเตียง# 5

ติดเครื่องมือวะวะวะแว๊ววววว

วันนี้ไปขึ้นเตียงให้ผู้หญิงทิ่มบ้าง
ผู้หญิงผมยาวคนนั้น ล้วงแคะ แงะติด ขูด ๆ กด ๆ อยู่ร่วมชั่วโมง
ตอนนั้นอยากรู้มาก ว่าเค้าทำอะไรกับช่องปากเรา
อะไรคือเบอร์ 17 18 16 19

กลิ่นกาวมั่นช่างชวนอ๊วก เหมือนกลิ่นพลาสติกชนิดหนึ่ง

แล้วก็มาถึงนาทีที่คิดว่าจะตื่นเต้นที่สุด คือการเลือกสียาง
มันไม่ได้มาเป็นวง ๆ แฮะ
แต่เป็นท่อน ที่มีวงกลมติดอยู่เหมือนหนวดปลาหมึกยักษ์มากกว่า

เราเลือกสีม่วงเข้ม


และแล้วนาทีแห่งความตื่นเต้นก็หมดไปอย่างรวดเร็ว
จึงได้รู้ว่า การเลือกสียางไม่เห็นจะตื่นเต้นตรงไหน

ชั่วโมงตื่นเต้นอยู่ที่การดึงลวด งึด ๆ ตึง ๆ














ทีนี้ ปัญหาของคนฟันล่างคร่อมฟันบนก็มาถึง
เมื่อฟันบนสบลึก เวลางับปาก ฟันล่างจึุงทิ่มเข้าไปกับเครื่องมือบางซี่

หมอบอกด้วยความกรุณาว่า
ถ้าหลุด หมอจะติดให้ใหม่แค่ครั้งสองครั้ง ถ้ามากกว่านั้น หมอจะคิดตังค์ซะให้เข็ดเลย เคี้ยวไม่ระวังดีนัก



ข้อควรระวังคือ
อาหารแข็ง เหนียว กรอบ ใหญ่ อย่าเพิ่งกิน

กลยุทธ์ของหมอคือ
แต่ละเดือนมาเช็คความคืบหน้าฟันบน ถ้าเริ่มอ้า ก็จะขยับเครื่องมือลง
แกะ แล้วติดใหม่ ได้ประมาณสามครั้ง หลังจากนั้นคงต้องซื้อตัวใหม่

หมายความว่าเราต้องเสียตังค์ค่าติดเครื่องมือมากกว่าชาวบ้านรึนี่
นัดพับแต่ละเดือนไม่ใช่แค่ดึงลวดกับเลือกสียางแล้ว
และที่ต้องเริ่มทำใจคือ ปากบนยื่นแน่นอน!!!

นี่แหล่ะชะตากรรมของคนล่างคร่อมบน T^T

และนี่คือรอยยิ้มเบี้ยว ๆ ของเรา
ไว้ค่อยมาดูกันใหม่ว่า จะไปได้ถึงแค่ไหน สู้เว๊ย

20 March 2011

สุขเล็ก ๆ ในวันยางหลุด



หลังจากกล้ำกลืนฝืนทน กัดข้าวกัดยางมาได้ซัก 4 วัน
เมื่อวานลิ้นผู้ซื่อสัตย์ได้กำจัดสิ่งแปลกปลอมระหว่างซอกฟันได้สำเร็จ

ยางแยกฟันระหว่างซี่ที่ ๒ กับ ๓ ของฟันบนซ้าย หลุด!!
ไม่ได้หลุดแบบดีดี แต่หลุดแบบฉีกขาดออกมา

ความรู้สึกตอนนั้นมันโล่ง และสบายอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ท่ามกลางความดี๊ด๊าและสบายฟัน ก็สำเหนียกขึ้นได้ว่าควรโทรหาหมอ
ถามถึงผลกระทบและวิธีปฏิบัติตัวซะหน่อย
หมอบอกว่า ... ให้เข้ามาได้เลย
เราก็ถามว่า เข้าไปได้เลยเนี่ยะ ไปใส่ยางแยกฟันอันใหม่ หรือว่าอาจได้ติดเครื่องมือ
(แน๊ะ ยังมีความหวังว่าแยกได้ 4 วันแล้วพอได้)
หมอบอกว่า ... มาแยกฟันใหม่

นั่นหมายความว่า จากที่จะได้ติดเครื่องมือวันพฤหัสนี้
ก็จะกลายเป็นต้องใส่ยางนรกนี่อีก 1 อาทิตย์เหรอ!! จิงดิ!!

ตั้งสติซักพัก รู้แล้วว่าแท้ เลยนัดหมอเป็นวันจันทร์(วันนี้) กลางวัน
ส่วนตอนเย็นเมื่อวานนั้น ได้ลองดี กินก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ไป
โอ้ววววว ไม่ปวด
แม้จะยังมีอีก 3 เส้นที่เหลืออยู่ในปาก แต่ก็ไม่ปวด
(วันนี้จะถามหมอให้ได้ว่าทำไปปวดจัดอยู่จุดเดียว)
จากก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ ขยับไปล่อลูกชิ้นหมู
ค่อยเคี้ยวไป ไม่ปวด!!
เย๊วๆๆๆๆๆๆ

เช้าวันนี้ก่อนถึงเวลายัดยางแยกอันใหม่
ขอจัดหนักก่อนละจ๊าาาาาา


ปลากระป๋องอะยัม ราดข้าวขาว ๆ สวย ๆ
(แต่รู้สึกว่าจะเลือกปลากระป๋องผิดยี่ห้อไปหน่อย เนื้อแน่นค่อด)


ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ลูกชิ้นหมู


19 March 2011

เมนูแยกฟัน2

ข้าวตุ๋น เต้าหู้ เนื้อปลา
ดูรุงรังสุดๆ อยากกินอะไรใส่เข้าไป ตุ๋นกึ่งเคี่ยวจนเละ แบบอาหารเด็ก

สิ่งที่พอกินร่วมได้ คือของที่นิ่ม เต้าหู้ เนื้อปลา ผักกาดขาว เทือกนั้น
ปรุงรส พริกป่น มะนาว ตามชอบค่ะ
Published with Blogger-droid v1.6.7

เมนูแยกฟัน


วุ้นเส้นน้ำตก


วิธีทำง่าย ๆ
ลวกวุ้นเส้น เอาให้เยิน ๆ นุ่ม ๆ หลังจากนั้นผสมเครื่องปรุงน้ำตกลงไป ...
ถ้ายุ่งยาก ให้ไปซื้อจากร้านที่เค้าขายอยู่ อย่างของเรา ซื้อจากโรงอาหาร แม่ค้ามองหน้างง ๆ บอกว่าจะคิดตังค์ยังไงเนี่ยะ ... เราเลยบอก ฟรีละกันป้า นิดหน่อยเอง คลุก ๆ แล้วกินได้เลย

ข้อควรระวัง
ระวังข้าวคั่วกับเม็ดพริก กับกรึ๊บล่ะก็น้ำตาไหลแน่ะ
...

18 March 2011

เรื่องบนเตียง# 4

สวัสดีค่ะ

ทักทายกันยังกะไม่ได้เจอกันนาน
จริง ๆ แล้วนั่งอัดเขียนวันเดียวรวด
กว่าจะอัพมาทันเหตุการณ์ปัจจุบัน
กว่าจะสำเหนียกได้เขียนบันทึกจัดฟันดีกว่ากู




เข้าเรื่อง ...



ครั้งนี้ไปหาหมอฟันเพื่อแยกฟัน
(คิดไปเองว่าไปติดเหล็ก ถือเงินสดไปด้วยเพียบ)


จริง ๆ แล้วต้องไปตัดไหม พร้อมแยกฟัน
แต่ไหมดันหลุดเองก่อน ด้วยแรง(ทะเยอ)ทะยานของลิ้นและช่องปาก
ทั้งดูดทั้งดุน จนไหมหลุด


แยกฟันคืออะไร?
แยกฟันคือทำให้ฟันสองซี่ห่างออกจากกัน
ด้วยการเอาหนังยางวงเล็ก ๆ ยัดเข้าไประหว่างฟัน

แยกไปทำไม?
แยกเพื่อให้ฟันกรามซี่ในห่างออก
ครั้งต่อไปจะได้เอาตัวยึดเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นห่วงเข้าสวมได้
ห่วงนี้จะทำหน้าที่เป็นจุดหลักยึดลวด


ใส่เข้าไปตอนแรกก็งึด ๆ ไม่ได้เจ็บอะไรมาก
แค่รู้สึกอัด ๆ เหมือนมีเศษอาหารขนาดใหญ่ติดซอกฟันอยู่
ลิ้นก็จะทำหน้าที่ของมัน ดุนเข้าไป แตะเข้าไป
ส่งกระจกจะเห็นเป็นสีฟ้า ๆ ยัดอยู่






(นี่รูปฟันคนอื่นนะคะ ของเราอุดใช้สีเหมือนฟัน)






วันแรกยังไม่รู้สึกอะไร กินแอ๊ปเปิ้ลชิ้นเล็ก ๆ ได้
แต่ไหงพอตื่นมาอีกวันมันเจ็บขนาดนี้
แค่กัดฟันเปล่า ๆ ไม่ได้เคี้ยวอะไรยังเจ็บระบม
รู้สึกเหมือนฟันมันโยกได้ กดแล้วเจ็บ ๆ



วันนี้เข้าวันที่ 3 ของการแยกฟัน
เจ็บหนักกว่าเดิม รู้สึกเจ็บกว่าถอนฟันคุดอีก
ตึงไปหมด กินอะไรไม่ได้เลย

ต้องเริ่มคิดเมนูอาหารส่วนตัวแล้ว

แผลในปาก

จะบอกว่าการถอนฟันคุด ปวดหัวมากกว่าปวดฟัน
นอนคืนนั้นระบมไปทั้งฟากแก้ม
แต่สิ่งที่มากกว่าแก้มระบมคือ แผลในปาก!!

ในวันแรกที่ชาไปทั้งปาก จะไม่รู้สึกเลยว่า มันมาตอนไหน
กลางคืนก็ยังมัวปวดระบมกับแก้ม
ผ่านไป 1 คืน ถึงคิดจะเปิดดูแก้มว่า มันอะไรนักหนา
แล้วก็ตกใจว่า เวิ้งขาว ๆ นั่นอะไร
เอ๊ะ นั่นมันตัวอะไร ใครดูแล้วก็ไม่เข้าใจ
ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ไม่รู้ใครเอามันเข้ามา

มันก็มาตอนที่เราลิ้นคับปากนั่นแหล่ะ
ผนังแก้มที่บวม ๆ เอ่อเข้ามาในฟัน
ฟันที่พยามยามบดเคี้ยวนู่นนี่ ก็เคี้ยวผนังข้างแก้มไปด้วยเรื่อย ๆ
โดยที่ไม่มีความรู้สึกอะไร ชาจัด
กว่าจะรู้ตัวก็เหวอะหวะแล้ว

สุดท้ายจบที่ยาม่วงกับขี้ผึ้งป้ายแผลในปาก
เจ็บหนักเลยค่ะ

เรื่องบนเตียง# 3

ครั้งก่อนโดนหมอชายอุดไป
ครั้งนี้เจอหมอสาว
เนื่องจากเรานัดไม่ครบอาทิตย์ หมอชายไม่เข้าเวร

ครั้งก่อน ถามหมอชายไว้ว่า
เรากลอฟันฟันไว้ก่อนทั้งหมด แล้วไล่อุดทีละซี่ได้มั๊ยคะ
เค้าก็หัวเราะนิด ๆ (ถนอมน้ำใจ) แล้วบอกว่าไม่ได้หร่อกครับ
ทำทีละซี่ เก็บทีละซี่

แต่ครั้งนี้ชีออกตัวแรง
ไม่รู้ว่าแรงตามคนไข้รึป่าว "เคลียร์ให้หมดเลยได้มั๊ยคะหมอ"

เริ่มจากอุดฟันด้านซ้าย 3 ซี่ ซี่ละ 3 จุด
ชีเอาเครื่องมือรอบจัดใส่ทีเดียวเลย
ฟรื๊ดๆๆๆๆๆ ฟรี่ๆๆๆๆๆ
กลอทีเดียว 3 ซี่!!! (ไหนหมอคนก่อนบอกไม่ได้ไงอ่ะ)
หลังจากนั้นชีก็อุด ๆ โปะ ๆ เลย
ไม่มีเก็บด้วย ประมาณว่าโปะไปก่อน
"กัดแล้วค้ำใช่มั๊ยคะ ปล่อยไว้ก่อนค่" ... ปล่อยก็ปล่อยค่ะ
หลังจากนั้นไม่รอรี
กลอข้างขวาอีก 2 ซี่ ฟื๊ดๆๆๆๆ
โปะๆๆๆๆ เอาปืนลำแสงมายิง(ตั้งชื่อเอง) ปิ๊ดๆๆ
แข็งแล้ว บ้วนน้ำค่ะ
เฮ้ย เสร็จเร็วค่อด ไรเนี่ยะ โพรเฟสฯค่อด ๆ

แล้วชีก็มาเก็บทีหลัง
ตอนเก็บนี่แหล่ะ รู้เลยว่า ไม่เข้าท่าละ
ก็ว่าทำไมสักแต่วะโปะ ๆ ให้กอง ๆ ไปก่อน
ชีค่อย ๆ กลอออกทีละจุด
ผลลัพธ์ออกมา มันไม่เป๊ะอ่ะค่ะ
ไม่เหมือนฟันเดิม กัดแล้วทะแม่ง ๆ
เหมือนมีเศษติดฟัน กัดไม่สนิท
ไป ๆ มา ๆ ตกแต่งใช้เวลามากกว่าตอนกลอโปะอีก
จบไปกับอุดฟันมหาปะลัย


ถัดไปก็ถอนฟันคุด เอาต่อเลย หนูอึดสุด ๆ ละ
ปิดตาเราอะไรแล้ว กำลังนอนอย่างชิว ๆ
ผู้ช่วยถามว่า "หมอคะ จะผ่าหรือจะถอนคะ" (คงจะไปเตรียมเครื่องมือ)
"ยังไม่รู้เหมือนกัน ลองดูก่อน" ฮึ!!!

ต่อไปเป็นช่วงของการฉีดยาชา
เคยมีประสบการณ์ตอนฉีดยาชาเจ็บมาก
แต่ครั้งนี้ชีใช้ยาชาแบบเจล ยาชาสำหรับผิวชั้นนอกทาก่อน
แล้วค่อยฉีด ... เออ ดีแฮะ จะฉีดกี่เข็มกูก็ไม่รู้สึกแล้วค่ะ

หมอเช็คว่ายาชาออกฤทธิ์รึยัง ด้วยการแตะริมฝีปากล่าง
ถ้ายาชาออกฤทธิ์ ปากล่างจะชา ... ชีคงเรียนมาอย่างนั้น
ผ่านไปซักพัก ปาก็ยังไม่ชา ลิ้นชานิดหน่อย
ชีก็อัดเข้าไปอีก "ชารึยังคะ" "ยังค่ะ"
"ชารึยังคะ" "ยังค่ะ แต่ด้านในชาแล้วนะคะ"
ชีก็อัดเข้าไปอีก ปากล่างก็ยังไม่ชา ... ก็มันไม่ชา ให้กูทำไง
"หมอถอนเลยนะคะ"
เอาวะ จัดไปหมอจัดไป
คึก ๆ กัก ๆ ล็อคหัวกูด้วย คึดๆๆๆ
เสียงวางเครื่องมือ ก้อง ๆ แก๊ง ๆ
ซักพัก หมอก็บอกว่า "เสร็จแล้วนะคะ บ้วนปากค่ะ"
ฮ้า เสร็จแล้วเหรอ
หนูกำลังจะบอกหมอว่า ... ปากหนูชาแล้วค่ะ

หมอหัวเราะแล้วบอกว่า ถ้าเจ็บก็กินยาเอานะคะ

นัดครั้งต่อไปมาแยกฟัน
เคาน์เตอร์ก็ถามเยอะจัด วันนี้ต้องขอบิลสำหรับเบิกประกันสังคมด้วย
พูดก็ไม่ชัด รู้สึกว่าปากบิดเบี้ยวไปหมด
ไม่ต้องชวนกูคุยมากก็ได้
ค่าเสียหาย 4900
ถอนฟันคุด 900
อุดฟัน 5 ซี่ ซี่ละ 2 จุด หมอลดให้เหลือซี่ละ 800 (ลดแล้วค่ะลดแล้ว)

วันนั้นขับรถกลับบ้านแบบลิ้นคับปาก

เรื่องบนเตียง# 2

ภารกิจวันนี้ ขูดหินปูน + อุดฟัน + ฟังแผนจัดฟัน

แผนจัดฟันสำหรับคนฟันล่างงับฟันบน นี่ช่างขนพองสยองเกล้าจริง ๆ

"ฟันล่างที่คร่อมฟันบน มีสาเหตุมาจาก กรามล่างที่เติบโตกว่าฟันบนมาก
ไม่ได้มีสาเหตุมาจากฟันเยอะ ฟันยื่น หรือฟันเอียงไปด้านหน้า
จะเห็นได้ว่า ฟันด้านหน้าจะห่าง เพราะขนาดของฟันเท่าปกติ
แต่กรามล่างใหญ่ พื้นมันใหญ่ ฟันมันเลยดูเล็ก ก็เลยกระจายกันอยู่"

"ฉะนั้น ถ้าจะแก้ไขให้ออกมาดีแบบ ideal เลย ต้องผ่าตัดเพื่อตัดกราม"
(โอ๊ะ!!! ผะ ผะ ผะ ผ่า ตาดดดดดด)
"สนใจจะผ่าตัดมั๊ยคะ"
"ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คะหมอ" (ห่วงตังค์มากกว่าห่วงชีวิต)
"ก็ประมาณ 1 แสนบาทค่ะ" ... ดูหน้าหมอแล้ว ก็บอกไปตามสคริป คงเห็นหนังหน้าเราแล้วว่า มันไม่ผ่าแน่นอน
"ไม่สนค่ะหมอ"
"อ่ะ ถ้าไม่สนเรื่องผ่า เรามาคุยกันเรื่องจัดฟัน" ...

การจัดฟันนั้น จะไม่สามารถแก้ไขฟันล่างคร่อมฟันบนได้อย่าง 100%
ช่วยได้นิดหน่อย เป็นหน้าที่ของหมอ ที่จะอธิบายให้คนไข้เข้าใจอย่างถูกต้อง
ว่าทำอะไรได้ผลแค่ไหน แล้วเป็นหน้าที่ของคนไข้อย่างเรา ๆ ตัดสินใจเอาเอง

ฟันบนงุ้มเข้านิดหน่อย ดึงออกมาได้
ฟันล่างห่าง ดึงเข้าได้โดยไม่ต้องถอน ถ้ายังห่างอยู่อาจอุด space ทีหลัง
ปากบนจะอูมขึ้นมานิดหน่อย
คางจะไม่ยุบเข้าไปมาก(ก็กรามไม่ได้ตัด)
โครงหน้าจะไม่เปลี่ยนมาก
ฟันกรามล่างด้านซ้าย เบี้ยวนิดหน่อย แก้ไขไม่ได้

"เข้าใจนะคะ ไปคิดมาดีดี ว่าจะจัดมั๊ย"
"จัดค่ะ" (ตัดสินใจมาจากบ้านแล้วเห๊อะ)

"ครั้งนี้ก็ขูดหินปูนนะ ครั้งต่อไปมาอุดฟัน หรืออาจจะอุดไปซักซี่นึงก็ได้"
ไอ่เราก็โชว์พาวน์ก่อนเลย (หรือว่าโชว์ง่าวหว่า)
"อ้าว ไม่ได้อุดทีเดียวหมดเลยเหรอคะ"
"คุณจะไหวเหรอ เมื่อยปากแย่ ลองดูก่อนซักซี่เถอะ"


สรุปวันนี้
ขูดหินปูนไปทั่วปาก 900 บาท
อุดฟัน 2 ซี่ ซี่แรก 2 จุด 800 บาท
ซี่ที่สอง 1 จุด 600 บาท

นัดครั้งต่อไป อุดฟันต่อ
ตามหลักควรนัด 1 อาทิตย์ให้หลัง
แต่กับคนไข้ที่อึดเป็นควายแบบนี้ก็
นัดอีก 4 วันเลย ยะฮู๊ววว

เรื่องบนเตียง# 1

ชายหนุ่มร่างท้วมคนนึงบอกให้เรานอนบนเตียง
กดเตียงลง ปิดตาปิดหน้าเรา แล้วก็ชะโงกหน้ามาอ้า

เค้าอ้าปากเอา เอาโน่นนี่นั่น ขูด ๆ เสียบ ๆ เคาะ ๆ
แล้วก็พูดกับผู้หญิงข้าง ๆ เค้าว่า
- ขูดหินปูน
- อุดฟัน 7 ซี่ #%#$^$*%*@$^ โค้ดเบอร์ฟัน ที่ยังไม่เข้าใจ
- ถอดฟันคุด %^* นี่ก็ด้วย รู้แต่เป็นล่างซ้าย

แล้วเราก็ไปพิมพ์ปาก
ตอนพิมพ์ปากสนุกมาก ตื่นเต้น
อยากรู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง
แอบเห็นปูนพิมพ์ปากเป็นสีเหลืองกล้วยหอม
กลิ่นห๊อมหอม

พิมพ์ปากเสร็จ ก็ไป x-ray
เครื่องไฮโซมาก จำได้ว่าแต่ก่อน x-ray ที่รพ.รัฐ
โดนยัดแผ่นฟิล์มเล็ก ๆ เข้าซอกฟัน เจ๊บเจ็บ
เอาตุ๊กตาให้กูกอดไว้ กะปลอบกันรึไง
กูไม่ชอบตุ๊กตา!!! ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย

ครั้งนี้เป็นเครื่อง x-ray แบบที่หมุนไปรอบ ๆ หัวเรา
แล้วก็ x-ray ด้านข้างอีกทีหนึ่ง
รู้สึกตื่นเต้นดี

สุดท้าย เอากล้องมาถ่ายรูป หน้าตรง ด้านข้าง ด้านเอียง
อ่ะ ถ่ายเข้าไปเถอะ คงกะเอาไว้ดู before & after

ครั้งนี้เสียค่าธุรกรรมไป
700 ค่า พิมพ์ปาก
600 ค่า x-ray

นัดครั้งต่อไป ขูดฟินปูน + อุดฟัน

จัดฟันทำไม?


คือ ... ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
แต่คำถามนี้เป็นคำถามที่ทุกคนถาม แม้แต่ตัวเอง

จัดทำไม? ฟันห่างเหรอ?
โถๆๆๆ ถ้าแค่ฟันห่างล่ะก็ ไม่จัดให้เจ็บตัวหร่อกค่า
ดูดีดีสิคะ
จัดเพราะฟันล่างคร่อมฟันบน
เป็นมรดกที่ยายให้มา
ให้พี่มานิดหน่อย ให้น้องมาเยอะหน่อย (มั้ง)









ก็เห็นพี่มันไปจัดมาตั้งแต่ประถม
ตอนนี้ก็ happy ending แล้ว
ส่วนเราเอง ตอนประถมไป x-ray ปากอะไรมาแล้ว
แต่ตอนนั้นต้องเดินทางไปจัดฟันที่จังหวัดข้าง ๆ
เลยคิดว่า เดี๋ยวตอนเรียนม.ปลายค่อยมาจัด
ม.ปลาย ก็เบี้ยวไม่ไปเรียนที่นั่น ... เดี๋ยวมหาลัยไปเรียนค่อยจัด
พอเข้ามหาลัย ก็ไม่จัด เพราะมัวแต่ระเริงกับมหาลัยอยู่
จบมาทำงาน ก็ไม่จัดละ แก่ละ (ตอนนั้นอายุ 22 มั้ง)

ตอนนี้ อายุจะ 29 ปีอีกไม่กี่เดือน
เห็นเพื่อน ๆ อายุ 30 พากันไปจัดฟันมา
เลยถามว่า ... เฮ้ย แก่แล้วยังจัดได้อยู่เหรอ
มันบอกว่า ... หมอบอกจัดได้ ขอให้มีตังค์ ตอนนี้แหล่ะ มีตังค์แล้ว
จริงของมัน!!
เอาวะ กายพร้อม ใจพร้อม ตังค์พร้อม(จัดสรรเอา)
เลยเริ่มต้นไปปรึกษาหมอฟัน

กว่าจะเลือกคลีนิคได้ ก็นานอยู่
เพราะต้องเลือกที่ไว้ใจได้ ไปมาสะดวก ไม่แพงจนเกินไป
เพื่อนแนะนำมา ไปไม่ยากเท่าไหร่ ก็เลยโอเค
ไปหาหมอเลย ใจร้อน